... สมัยก่อน การทำให้อากาศอากาศขึ้น จะใช้วิธีเปิดช่องหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาในห้อง แล้วเปิดช่องระบายลมออกอีกข้างให้มากๆเข้าไว้ เป็นการเจือจางอากาศให้มีความเข้มข้นมลพิษต่ำลง

... มาถึงยุคใหม่ สร้างพื้นที่ปลอดมลพิษ ด้วยเทคโนโลยี่ในศตวรรษนี้ วิศวกรคิดว่าทำไมต้องดูดมลพิษเข้าไปในเครื่องอย่างเดียว ไม่ผลิตสารเลียนแบบธรรมชาติที่ทำลายมลพิษได้ทันทีข้างนอกเครื่อง ก็ไปเจออนุภาคไฟฟ้าลบ คิดค้นมากว่า 30 ปี ให้ถูกพ่นเข้าไปในห้อง แต่ก็ทำได้แค่จับฝุ่น ทำลายมลพิษไม่ได้มาก การค้นคว้าก็เลยไม่คืบหน้าต่อ จนกระทั่งมีวิศวกรคิดค้นนวตกรรมใหม่โดยบังเอิญ คืออนุภาคไฟฟ้าบวกและลบ พ่นพร้อมกันเข้าไปในห้อง
... ยุคที่เชื้อโรคมลพิษหดหาย ด้วยการที่อนุภาคไฟฟ้าบวกและลบ ที่ถูกพ่นเข้าไปในห้อง ไปทำลายเชื้อโรคและสาร
พิษหลายๆประเภทได้ ทำให้เกิดห้องปลอดเชื้อหรือโซนอากาศสะอาด คนที่เข้าไปอยู่ในโซนหรือผ่านโซนนี้ ก็จะสะอาดตามไปด้วยเพราะเชื้อโรคและสารพิษถูกทำลายทันทีที่เข้าไปในโซนหรือห้องนั้นๆ ... วิธีนี้ไม่ต้องใช้พัดลมดูดลมแรงๆ ไม่ต้องดักจับสารพิษเข้าในเครื่อง ชีวิตมนุษย์ลดความเสี่ยงต่อโรคภัยได้มาก ใครเคยได้ใช้ก็จะรู้ว่าประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลไปนานเลย
พิษหลายๆประเภทได้ ทำให้เกิดห้องปลอดเชื้อหรือโซนอากาศสะอาด คนที่เข้าไปอยู่ในโซนหรือผ่านโซนนี้ ก็จะสะอาดตามไปด้วยเพราะเชื้อโรคและสารพิษถูกทำลายทันทีที่เข้าไปในโซนหรือห้องนั้นๆ ... วิธีนี้ไม่ต้องใช้พัดลมดูดลมแรงๆ ไม่ต้องดักจับสารพิษเข้าในเครื่อง ชีวิตมนุษย์ลดความเสี่ยงต่อโรคภัยได้มาก ใครเคยได้ใช้ก็จะรู้ว่าประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลไปนานเลย
... อ้าว โซนอากาศสะอาดไม่เคยทำได้มาก่อนเหรอ ก็มีเหมือนกันแต่เลิกใช้ไปแล้ว เป็น โอโซน หรือ แสงยูวี สามารถสาดเข้าไปในห้องได้ เจ้าสองตัวนี้ก็ทำลายเชื้อหรือสารมลพิษได้เหมือนกัน แต่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต จึงไม่สะดวกในการใช้งาน ก็นิยมใช้น้อยลงเรื่อยๆ ... ส่วนที่มีการขายในท้องตลาด จะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ว่า โอโซน หรือ แสงยูวี เหล่านี้ จะทำลายเชื้อโรคหรือสารมลพิษ ต่อเมื่อมันมีความเข้มข้นสูงมากๆ มากจนอันตรายต่อมนูษย์ ไอ้ความเข้มข้นที่มีขายในท้องตลาด ไม่พอที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพใช้งานจริงๆหรอก แค่ได้กลิ่นคาวปลาของโอโซน คนก็เชื่อว่ามันทำงานได้ ซึ่งไม่จริงแต่ประการใด