สิ่งที่อินเทรนด์ที่สุดคงหนีไม่พ้น "ความขาว" ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากละครโทรทัศน์ของบางประเทศ ทำให้คนไทยไม่น้อย พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองผิวขาว-หน้าขาวเช่นนั้นบ้าง แน่นอนว่าหนีไม่พ้นการสรรหาเครื่องสำอางที่โฆษณาสรรพคุณว่าสามารถทำให้ผิวขาวได้ดังใจนึกมาใช้ ถ้าใช้ของดีได้มาตรฐาน ก็คงไม่เป็นไร แต่หลายครั้ง ไปเจอของไม่ได้คุณภาพ เกิดอันตรายก็มีเหมือนกัน ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ปัจจุบันยังตรวจพบเครื่องสำอางหลายยี่ห้อ ที่ใช้ส่วนผสมจาก "สารปรอท" สารเคมีที่ครั้งหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อน เคยถูกใช้ผสมเครื่องสำอางสำหรับหญิงสาวในทวีปยุโรป เพราะทำให้หน้าขาวขึ้นตามความนิยมในยุคนั้น แต่ต่อมาได้ถูกห้ามใช้ เพราะพบว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย แม้จะทดลองใช้เพียงระยะสั้นๆ ก็ตาม
ทำไมต้องเป็นสารปรอท?..
ปรอทนั้นเป็นโลหะหนักชนิดหนึ่งเป็นของเหลวในอุณหภูมิห้อง มีการใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางมานานมักใช้อยู่ 2 รูปแบบ คือ
1.ในรูปของ Inorganic Mercury เช่น Ammoniated Mercury ซึ่งมักผสมในเครื่องสำอางช่วยให้หน้าขาว ปรอทจะช่วยให้ขาว โดยไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ทำให้ไม่สามารถสร้างเม็ดสี (Melanin) ได้ส่งผลให้ผู้ใช้มีผิวหน้าขาวและดูเนียน
2.ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือ Organic Mercury เช่น Thiomersal (Ethyl Mercury), Phenyl Mercuric Salts ซึ่งมักใช้เป็นสารกันเสียในเครื่องสำอางรอบดวงตา เนื่องจากสารปรอทมีข้อดีคือ ช่วยยับยั้งการปนเปื้อนของเชื้อ Pseudomonas spp.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการติดเชื้อ Pseudomonas spp. อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้
เกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อนุญาตให้ใช้เป็นวัตถุกันเสียในเครื่องสำอางที่ใช้บริเวณรอบดวงตาเท่านั้น และให้ใช้ในอัตราส่วนสูงสุดไม่เกิน ร้อยละ 0.0065 (คำนวณในรูปโลหะปรอท) !!! สารปรอทมีอันตรายต่อทั้งร่างกายโดยตรง คือทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ผิวบางลง เมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้เกิดพิษสะสมของสารปรอทและทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบและไตอักเสบ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเป็นแผลเป็น และทำให้ภูมิคุ้มกันของผิวต่อเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราลดลง จึงทำให้ติดเชื้อได้ง่ายเมื่อเกิดบาดแผล และยังส่งผลกระทบต่อระบบประสาทอีกด้วย เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า เป็นต้น รวมไปถึงอาการปลายประสาทชา
นอกจากเครื่องสำอางที่ใส่สารปรอท แล้วยังมี ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นสารเคมีซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาเตรียมครีมที่ทำให้หน้าขาว เนื่องจากเห็นผลได้เร็ว ไฮโดรควิโนนออกฤทธิ์โดยการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง (Melanin) จึงมีผลทำให้ผิวขาวขึ้นได้ สาร ไฮโดรควิโนน สามารถพบได้ในโลชั่นปรับสภาพผิว หรือ โลชั่นกันแดดกันฝ้า ซึ่งปรับสภาพผิวจากแสงแดด เป็นต้น
สารไฮโดรควิโนน มีความเป็นพิษ โดยมีค่า LD50 orally in rats หมายถึง ปริมาณสารที่ให้กับสัตว์ทดลอง (หนู) แล้วสัตว์ทดลองตายไปครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 50 เท่ากับ 320 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนู 1 กิโลกรัม พบว่ามีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์และก่อมะเร็งในหนู และมีรายงานว่า ผู้ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารนี้ มีอาการระคายเคืองและจุดด่างขาวบนใบหน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หาย ไฮโดรควิโนนจึงถูกจัดให้เป็นสารเคมีควบคุมมาตั้งแต่ปี 2539 ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ให้ใช้ได้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น ห้ามนำไปผสมเครื่องสำอางที่วางขายทั่วไปในตลาดเด็ดขาด!!!
สารเคมีอีกชนิดหนึ่ง คือ กรดเรทิโนอิก (Retinoic Acid) เป็นสารที่ช่วยให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังและหลุดลอกได้ จึงช่วยให้สิวเสี้ยนและผิวหนังที่หยาบกร้านหลุดลอกออกโดยง่าย ทำให้ผิวผ่องใสและนุ่มเนียน แต่ก็เป็นสารที่มีอันตราย เพราะทำให้หน้าแดงและแสบร้อนขึ้นรุนแรง เกิดการระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดหรือแสงไฟได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ เทอราโทเจน (Teratogenesis)ที่ทำให้เกิดความผิดปกติทางสายพันธุ์ในไข่หรือตัวอ่อนที่กำลังเติบโต ซึ่งถ้าได้รับระหว่างการตั้งครรภ์แล้วจะก่อให้เกิดการผิดปกติของทารกในครรภ์ได้