วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

ภัยเงียบจากครีมหน้าใส หน้าเด้ง ยาหมอ ฉีดสิว ... "สิวสเตียรอยด์"

ได้พบเห็นผู้ที่รับเคราะห์จากการใช้เครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง (แต่มีสารเคมี) หรือปนสารอันตราย หรือปลอมทั้งสูตรเลย  มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  จากการหากินบนความทุกข์ของคนที่รักสวยงาม ... อีกทั้งความใจร้อนของผู้ที่มีปัญหาด้านผิว ก็เป็นตัวเร่งให้ตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือบางคนหลงเป็นเหยื่อโฆษณาได้ง่ายขึ้น


หลังจากใช้ครีมหน้าใส สวยใสมาได้ 2 อาทิตย์ ก็เกิดสิวขึ้นเต็มหน้า




ผื่นขึ้น หลังจากใช้ครีมทาหน้าที่ผสมสเตียรอยด์มาเป็นเวลานาน






อาการหน้าพัง จากการใช้ครีมทาหน้าผสมสเตียรอยด์มาเป็นเวลานาน


ตัวอย่างที่พบได้บ่อยจากผู้ใช้เครื่องสำอางค์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ (คนใช้ไม่รู้ว่ามีอะไรผสม แต่อะไรก็ตามที่แสดงผลไว มักมีสารอันตรายผสมไม่มากก็น้อย) ทำให้ปัญหาทางอารมณ์ตามมาอย่างต่อเนื่อง บดบังการมองหาสาเหตุต้นตอของปัญหา อาทิเช่น
  • พอหยุดใช้ ไม่ได้ทา หันไปใช้ลังโคม ผดขึ้น (จากการหยุดสเตียรอยด์) ก็โทษลังโคม ว่าแพ้ลังโคม
  • พอเปลี่ยนไปใช้ La Mer บ้าง สิวขึ้น ผดมาเต็มหน้า (เพราะฤทธิ์ของสเตียรอยด์) ก็โทษ La mer เที่ยวบอกว่าแพ้ La mer
  • พอไปใช้ยูเซอรี สิวผด สิวเห่อ ก็ไม่หาย ไปพึ่ง Clinique ก็ไม่ work ด่า Clinique ว่าไม่ได้เรื่อง
  • พอกลับไปทาครีมสเตียรอยด์ที่เคยใช้ แน่ะสิวยุบใน 2 วัน ทุกอย่างคืนสู่สภาพเดิม หน้าใสเป็นกระจกอีกครั้ง อ้าวว ใช้ได้ผลดีจัง  อุปมาอุปมัยเหมือนคนติดยา กินยาบ้ายาม้า ของแรงๆ มาตลอด วันดีคืนดีก็ไปกินยาคูลท์แทน ก็ไปด่ายาคูลท์ว่าไม่ดี แพ้ยาคูลท์
ในโลกความเป็นจริงแล้ว ครีมที่มีสเตียรอยด์ (สังเกตุเบื้องต้นได้จากเนื้อครีม จะข้นๆ มันๆ) จะไม่มีสารออกฤทธิ์ (active ingredient) ตัวไหนที่ผ่าน อย.  แล้วทำให้หน้าใสเป็นกระจกได้หรอก  

คนติดสเตียรอยด์จะประมาณว่าเหมือนคนติดยา  พอได้รับยาอาการดีขึ้นเร็ว หาย หน้าใส  แต่เมื่อไหร่ที่หยุด  หน้าจะพังและร่างกายลุกขึ้นมาประท้วงว่าต้องการยา เราต้องใจแข็งมากๆในการหยุดใช้ให้ได้  คนส่วนมากมักท้อใจ เหนื่อยใจ และหมดกำลังใจ  แต่อีกหลายคนก็ผ่านมันไปได้  อย่าตกเป็นทาสของมันต่อไป

การรักษาสิวสเตียรอยด์ หรือคนที่ติดสเตียรอยด์แล้ว  เป็นเรื่องเหมือนการรักษาคนที่ติดยาเสพติด  ต้องใช้ความใจเย็น  เพื่อการกลับคืนของผิวหนังแบบธรรมชาติอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในวังวนการรักษาแบบเดิมๆ ที่ไม่มีวันหายขาด

สารสเตียรอยด์เราพบได้ที่ไหนบ่อยที่สุดและมากที่สุด

1.ยาแต้มสิว

2.ยาฉีดสิว

3.ยาทานแก้สิวอักเสบ

4.ครีมหน้าใส หน้าขาว หน้าเด้ง 

5.ครีมรักษาสิว 

การดูจากฉลากก็ไม่แน่ว่าจะผสมสารสเตียรอยด์หรือเปล่า เราไม่มีทางรู้ได้ (ฉลากไม่เขียนว่ามีหรอก) เราอาจสังเกตุง่ายๆว่า เมื่อทาผิวหน้าแล้ว ผิวหน้าที่มีปัญหาเหล่านั้นจะหายไปเร็วมาก หน้าจะใส เนียน ขาว ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบในระยะเวลาอันสั้น แต่สารสเตียรอยด์เหล่านี้จะสะสมอยู่ในผิวเป็นเดือน หรืออาจเป็นปี  จากนั้นก็ได้เวลาที่มันจะแสดงฤทธิ์เดชให้เห็นว่า  ทำลายผิวหน้าไปแล้วขนาดไหน

ในปัจจุบันครีมหลายยี่ห้อที่ต้องการความรวดเร็วในการเห็นผล หรือรักษาแบบตั๋วด่วน  มักจะผสมสารสเตียรอยด์ เราก็จะได้เห็นฤทธิ์เดชของผลข้างเคียงที่มีความอันตรายกล่าวคือ

1.ผด ผื่น ขึ้นง่ายมาก

2.เกิดสิวผด เป็นปื้นๆ

3.ผิวแดง เหมือนแพ้อะไรมา 

4.อาการคัน

5.ผิวบางและแพ้ง่าย  โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็แพ้

6.สิวเม็ดแดงๆ ขึ้นกระจายทั่วทั้งหน้า หรือเป็นกระจุกบริเวณใดบริเวณหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทาครีม จะเยอะมากเป็นพิเศษ

7.สิวอุดตันที่ขึ้นมา กดออกมาจะมีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นก็ได้ แต่มักจะแดง

8.สิวอักเสบที่มีเม็ดจะใหญ่และเจ็บ และไม่มีหัว จะเป็นอักเสบหัวแดง ใช้เวลานานกว่าจะยุบ

9.สิวขึ้นเห่อ 

10.สำหรับคนผิวมัน หน้าจะมันขึ้น หลังหยุดใช้ครีมผสมสเตียรอยด์

11.ผิวจะดูเหี่ยวเร็ว เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว หน้าหมองคล้ำได้เมื่อใช้เป็นเวลานาน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นดูแก่กว่าวัย

เริ่นต้นแก้ไขให้ถูกต้องเลย คือ

1.ไม่ควรใช้สเตียรอยด์อีกเลย

2.ไม่ควรใช้สารที่มีฟอง ล้างหน้า เช่น ในโฟม สบู่ เพราะมีโซเดียม หรือสารเคมีพวกโซเดียมลอริล/โซเดี่ยมลอเรตซัลเฟส หรือสารเคมีที่คล้ายๆกัน เพราะระคายเคืองผิวหนัง กระตุ้นการเกิดสิวกลับมาอีก

3.ไม่ควรใช้เครื่องสำอาง ที่มีสารฟอกหน้าขาว สารลอกผิว.ปรอท.ฯลฯ เพื่อหวังหน้าขาว หรือลอกฝ้ากระ ซึ่งต่อมามักจะสร้างปัญหามากกว่าสิวด้วยซ้ำ

4.หันมาใช้สารธรรมชาติหรือสารสกัดธรรมชาติ แทน ในการล้างหน้า บำรุงผิว เท่าที่จำเป็น อาจต้องเอาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติบางประเภทเข้ามาช่วยในระยะสั้น

เมื่อทำได้  ความรุนแรงของการทำลายผิวหน้าตัวเองด้วยสารสเตียรอยด์ก็จะหมดไป  หน้าก็จะกลับคืนสวยใสดั่งธรรมชาติที่ควรเป็นอีกครั้งหนึ่ง