วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ต้อหินตรวจพบก่อน ป้องกันตาบอดได้


“ต้อหิน” เป็นโรคความเสื่อมเกิดจากขั้วประสาทตา ซึ่งมีหน้าที่รับสัญญาณภาพส่งไปยังสมองถูกทำลายด้วยความดันลูกตา เซลล์เส้นประสาทที่ตายไปแล้วไม่สามารถทำให้กลับฟื้นคืนมาได้ เป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้แต่สามารถรักษาเพื่อหยุดไม่ให้อาการแย่ลงได้โดยการหยอดตา เลเซอร์ หรือผ่าตัด



จัดเป็นภัยเงียบอีกอย่างหนึ่งเนื่องจากในระยะแรกจะไม่มีอาการใด ๆ ถ้าไม่ตรวจก็ไม่สามารถรู้ได้ โรคจะค่อย ๆ เป็นไปอย่างช้า ๆ ทำให้การมองเห็นแคบลง แต่ตรงกลางยังคงมองเห็นได้ดี ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกผิดปกติซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อาจเกิดอาการหนักมากแล้ว

“ต้อหินเป็นโรคตาบอดถาวรอันดับ 1 ของไทย 9 ใน 10 คนที่เป็นต้อหินไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ สามารถอ่านหนังสือ ขับรถ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นมากแล้ว แต่ถ้าตรวจพบก่อน ก็สามารถรักษา ป้องกันไม่ให้ตาบอดได้ การตรวจตาจึงมีความสำคัญมาก กลุ่มเสี่ยงควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์”

อายุเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดต้อหิน ยิ่งอายุมากขึ้นโอกาสที่จะเป็นต้อหินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น สำหรับคนที่อายุ 40 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นต้อหิน 1% อายุ 50 ปี เสี่ยงเป็นต้อหิน 2% อายุ 60 ปี เสี่ยงเป็นต้อหิน 4% อายุ 70 ปี เสี่ยงเป็นต้อหิน 7% และถ้าอายุ 80 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นต้อหินมากกว่า 8% ขึ้นไป

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นต้อหินมากกว่าปกติ ได้แก่ คนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี, มีประวัติครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้องสายตรงเป็นต้อหิน, คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดในลูกตา มีอุบัติเหตุทางตา, มีสายตาสั้นหรือยาวมาก ๆ, มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไทรอยด์, ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ เช่น คนไข้โรคพุ่มพวง (SLE)

คนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์ ไม่ควรรอให้เกิดอาการผิดปกติแล้วค่อยไปตรวจ หากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก ก็สามารถรักษาป้องกันไม่ให้ตาบอดถาวรได้

การรักษาโรคต้อหิน ส่วนใหญ่รักษาด้วยการหยอดยา เพราะสะดวก รวดเร็ว ง่าย สำหรับคนไข้ ยาสำหรับรักษาโรคต้อหินก็สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ อยู่ในบัญชีหลักประกันสุขภาพ นอกจากการหยอดยายังมีวิธีการรักษาโดยการผ่าตัด จะใช้กับคนไข้ที่ใช้ยาไม่ได้หรือใช้ยาไม่ได้ผล สำหรับผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดมุมตาเปิดบางชนิดต้องทำการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์

นอกจากการรักษาทั้ง 3 วิธี ปัจจุบันมีข่าวแพร่หลายในสังคมออนไลน์เรื่องการนวดตาเพื่อรักษาต้อหิน โดยการกดที่เปลือกตาอย่างแรงจนถึงขั้นเห็นแสงพร่า นาน 45 วินาที ถึง 2 นาที แล้วค่อยปล่อยมือออกจากเปลือกตา เพื่อให้เลือดสูบฉีดเข้าไปในตาได้ดีขึ้นนั้น ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ไม่แนะนำให้ทำการรักษาต้อหินด้วยวิธีดังกล่าว เพราะไม่มีหลักฐานการวิจัยอย่างถูกต้องทางวิชาการสนับสนุนยืนยันการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว

“การนวดตาทำให้เปลือกตามีความร้อน ทำให้สุขภาพตาดีขึ้น คนที่เป็นโรคตาแห้ง น้ำตาแห้งจะดีขึ้นเพราะความร้อนช่วยทำให้ความสมดุลของน้ำมันกับน้ำตาดีขึ้น ทำให้การมองเห็นดีขึ้น แต่ต้องไม่ใช่วิธีการกดตาอย่างแรง การกดตาจนเห็นแสงพร่า เป็นอันตรายต่อดวงตา วุ้นตา เซลล์ประสาทตา และอาจมีผลเสียถึงจอรับภาพด้วย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น