วิตามินที่นิยมกินเสริมมากที่สุดในบรรดาวิตามินทั้งหมด…แน่นอนว่าต้องเป็นวิตามินซี
ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ด้วยความที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง จึงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และมีประโยชน์ด้านความงามมากมาย เช่น ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน บำรุงผิวให้ขาวใส รวมทั้งช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแผลเป็น หรือรอยสิวต่าง ๆ
นอกจากนั้น "วิตามินซี" ยังเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ อีกด้วย โดยแต่ละโรคก็จะมีปริมาณที่ควรได้รับและระยะเวลาในการบริโภคที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น
โรค ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับ(มิลลิกรัม/วัน) ระยะเวลาต่อเนื่อง
ไข้หวัดทั่วไป 30 – 3,000 2 สัปดาห์
ความดันโลหิตสูง 60 – 4,000 6-16 สัปดาห์
โรคตับ 120 – 3,000 6 เดือน
มะเร็ง 120 – 2,000 6-8 ปี
และด้วยเหตุผลสำคัญเลยคือ ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินซีขึ้นเองได้ จะได้จากการรับประทานเท่านั้น จึงนิยมรับประทาน "วิตามินซี" ในรูปแบบอาหารเสริมกันเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ ! มั่นใจมากว่าต้องมีหลาย ๆ คนเข้าใจผิดถึงวิธีการกินวิตามินซีอย่างแน่นอน แม้กระทั่งคนที่กินอยู่เป็นประจำหรือกินมานานแล้วก็ตาม
ตามหลักแล้วร่างกายของมนุษย์จะสามารถดูดซึมวิตามินซีได้ในปริมาณที่จำกัด เพราะฉะนั้นการรับประทานวิตามินซีครั้งละเยอะ ๆ ในครั้งเดียวจึงไม่เกิดประสิทธิภาพ และเปรียบเสมือนการเอาเงินไปทิ้งเปล่า ๆ เพราะวิตามินซีมีจุดอิ่มตัวในการดูดซึม ถ้าหากเราได้รับวิตามินซีปริมาณมาก ๆ ในทีเดียว ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมได้ทั้งหมด อย่างเช่น การรับประทานวิตามินซีครั้งละ 1,000-1,500 มิลลิกรัม จะพบว่าร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50% เท่านั้น แต่หากเรารับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม ร่างกายก็จะดูดซึมได้ถึง 75% เลยทีเดียว อย่างที่ "Dr. Gerard Mullin" ผู้อำนวยการด้านโภชนาการอาหารแบบบูรณาการจากสหรัฐอเมริกาได้บอกไว้ว่า "การได้รับปริมาณวิตามินซีมากเกินไป...มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวัน ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดนิ่วในไตได้"
นั่นก็เพราะร่างกายจะขับส่วนที่ไม่ได้ดูดซึมทิ้งผ่านไตทั้งหมด แถมยังทำให้ไตต้องทำงานหนักและเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วด้วย ดังนั้นการกินวิตามินซีครั้งละน้อย ๆ และเว้นระยะบ้างจึงเป็นวิธีที่ได้ผลและปลอดภัยที่สุด และนี่คือเหตุผลที่หลาย ๆ คนรับประทานวิตามินซีปริมาณมาก ๆ เป็นประจำแต่ไม่เห็นผลเท่าที่ควร
ชัดเจนแล้วว่าปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมคือ ควรกินครั้งละ 500 มิลลิกรัม เพราะถือว่าเป็นปริมาณที่ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด ส่วนช่วงเวลาที่ร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด คือประมาณ 9-10 โมงเช้า และควรรับประทานวิตามินซีหลังอาหาร เพราะวิตามินซีที่ร่างกายดึงไปใช้ได้นั้นจะต้องมีตัวนำพา เช่น อาหาร ผักใบเขียว ผลไม้ต่าง ๆ ที่ให้วิตามินซีสูง หากได้รับวิตามินซีขณะที่ท้องว่าง ร่างกายจะไม่มีตัวนำพาหรือตัวให้ดูดซึม สุดท้ายน้ำที่เราดื่มเข้าไปก็จะไปละลายวิตามินซี และโดนขับออกเป็นปัสสาวะนั่นเอง
สำหรับใครที่คิดว่าเราไม่สามารถทานได้ครบถ้วน การรับประทาน "วิตามินซี" ก็เป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยหากรับประทานอย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ เพื่อที่จะทำให้เราได้ประโยชน์จากวิตามินซีอย่างเต็มที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น