ในสูตรของเครื่องสำอางประเภทครีมลดถุงใต้ตานี้ มีสารเคมีหลายๆตัว อาทิเช่น
Water , Sodium Silicate , Magnesium Silicate , Acetyl
Hexapeptide-8 (Argireline), Phenoxyethanol, Ethylexyglycerin,
Yellow , Red
แต่ตัวสำคัญที่มีผลต่อถุงใต้ตาก็คือ Argireline ชื่อเล่นๆว่า Botox-like
Botox
ท้าวความถึงสารโบท็อกซ์เป็นสารที่นิยมในการฉีดใบหน้าเต่งตึง เป็นโปรตีนที่มีสายยาวชนิดหนึ่ง สกัดได้จากเชื้อแบคทีเรีย (Clostridium Botulinum) ที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงกับคน สารพิษโบท็อกซ์นี้มีความสามารถไปรบกวนการสั่งงานของสาร Acetyl Choline ในกลุ่มของ Snap Receptor ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตึงตัว ... นำไปสู่การใช้รักษาอาการตาเข เปลือกตากระตุก แต่ก็เป็นการช่วยได้แค่ชั่วคราว เพราะต้องใช้แบบบริสุทธิ์ปริมาณที่ต่ำจึงจะปลอดภัย คนไข้ต้องได้รับการฉีดซ้ำทุก 3-5 เดือน
ต่อมาแพทย์แคนาดาก็นำสารโบท็อกซ์มาฉีดลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ชั่วคราว โดยเฉพาะตำแหน่งหน้าผากและหว่างคิ้ว ซึ่งไม่สามารถทำให้ริ้วรอยหายตลอดไป ไม่ควรฉีดบริเวณรอบริมฝีปากและผิวหนังตำแหน่งใต้ตาดำ ... สิ่งที่โบท็อกซ์ทำไม่ได้คือการช่วยทำให้ผิวสัมผัสดีขึ้น ไม่สามารถช่วยลดจุดด่างดำหรือกระตุ้นการซ่อมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้
Argireline
ส่วนสารที่ใส่ในครีมลดถุงใต้ตามีชื่อว่า Argireline เป็นกลุ่มโปรตีนกรดอะมิโนขนาดเล็กที่มีความบริสุทธิ์มากกว่า 80 % ช่วยให้เกิดการยับยั้งการทำงานของ Snap receptor ส่งผลให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆลดลง ในการทดสอบครีมความเข้มข้น 10 % พบว่า ผู้ทดลองเพศหญิง 10 ท่าน พบว่า ริ้วรอยที่เคยปรากฏลดลงหลังใช้
อีกมุมมองหนึ่งของสารตัวนี้
Argireline ถูกให้ระมัดระวังในคนที่แพ้สารตัวนี้ ไม่แนะนำให้ทาโดนตาหรือผิวหนังที่ไหม้จากแสงแดด หากมีอาการระคายเคืองผิวหนัง แดงบริเวณที่ทา หรือ ผิวแสบแห้ง ให้หยุดใช้ทันที ... Argireline มีอาการพิษหรือข้างเคียงที่ต่ำกว่าโบท็อกซ์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ยังไม่ได้พิสูจน์ในการใช้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำให้ใช้ทาในบริเวณจำกัด (อาจมีผลต่อการคลายกล้ามเนื้อที่อื่นได้) ... ที่แน่นอนคือ การใช้สารตัวนี้ต้องใช้แบบต่อเนื่องตลอดชีวิต เพราะผลของการลดรอยย่นใต้ตาเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งไม่ได้ช่วยทำให้ผิวสัมผัสดีขึ้น ไม่สามารถลดจุดด่างดำหรือกระตุ้นการซ่อมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น