“รังแค” เกิดจากการหลุดลอกของผิวหนังส่วนบนของหนังศีรษะ หากเปรียบเทียบก็เหมือนกับผิวหนังมีขี้ไคล โดยปกติแล้ว
ผิวหนังชั้นบนของคนเราจะมีการผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลา
ขุยสีขาวบนหนังศีรษะ
หรือที่เรียกกันว่า “รังแค”
สามารถพบได้บ่อยในประชากรทั่วไป มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ
และมีอาการคันที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพ รวมทั้งคุณภาพชีวิต
บางรายเป็นมากจนเห็นเป็นขุยขาว ๆ ลามออกมานอกหนังศีรษะ เช่น บริเวณไรผมและหน้าผาก
หรือเห็นชัดบริเวณหนังศีรษะภายหลังจากตัดผมสั้น คำถามที่พบบ่อยคือ “ขุยสีขาวบนหนังศีรษะแบบนี้ ใช่รังแคปกติหรือไม่ หรือเป็นโรคอื่นใด?”
“รังแค”
เกิดจากการหลุดลอกของผิวหนังส่วนบนของหนังศีรษะ
หากเปรียบเทียบก็เหมือนกับผิวหนังมีขี้ไคล โดยปกติแล้ว
ผิวหนังชั้นบนของคนเราจะมีการผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลา แต่หากหนังศีรษะมีโรคบางอย่าง
อาจทำให้มีการหลุดลอกของหนังศีรษะมากเกินไปจนเป็นขุยเต็มศีรษะได้
ซึ่งโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคผื่นผิวหนังอักเสบ โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ
และที่คนส่วนใหญ่กลัวกันมากคือ “โรคสะเก็ดเงิน”
“โรคสะเก็ดเงิน” เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังอย่างหนึ่ง ที่พบได้ 1-3% ของประชากรทั้งหมด โดยมักมีผื่นเป็นปื้นแดง มีขุยสีขาวหนากระจายตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตามข้อเข่า ข้อศอก หลัง ก้นกบ และมักมีผื่นขุยบนหนังศีรษะร่วมด้วยได้มากถึง 80% ของผู้ป่วยสะเก็ดเงินทั้งหมด อีกทั้งกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ขุยบนหนังศีรษะจะเป็นอาการเริ่มแรกของโรคสะเก็ดเงินได้
“โรคสะเก็ดเงิน” เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังอย่างหนึ่ง ที่พบได้ 1-3% ของประชากรทั้งหมด โดยมักมีผื่นเป็นปื้นแดง มีขุยสีขาวหนากระจายตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตามข้อเข่า ข้อศอก หลัง ก้นกบ และมักมีผื่นขุยบนหนังศีรษะร่วมด้วยได้มากถึง 80% ของผู้ป่วยสะเก็ดเงินทั้งหมด อีกทั้งกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ขุยบนหนังศีรษะจะเป็นอาการเริ่มแรกของโรคสะเก็ดเงินได้
ขุยบนหนังศีรษะของโรคสะเก็ดเงินต่างจากขุยรังแคทั่วไปอย่างไร?
ขุยบนหนังศีรษะของโรคสะเก็ดเงิน มักเป็นขุยสีขาวหนา ที่มีขอบเขตชัดเจนบนหนังศีรษะ อีกทั้งส่วนมากจะมีปื้นขุยเลยขอบไรผมได้ อาจมีอาการคันร่วมด้วย แต่โดยทั่วไปไม่ทำให้ผมร่วง ในขณะที่ขุยรังแคทั่วไป มักจะไม่เป็นขุยหนานัก ไม่เห็นขอบเขตชัดเจน ไม่เป็นแนวเลยไรผม และอาจทำให้ผมร่วงได้
ขุยบนหนังศีรษะโรคสะเก็ดเงิน สามารถรักษาได้อย่างไร
1) หลีกเลี่ยงการแกะเกา เพราะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้มีการลอกของหนังศีรษะ มีขุยมากขึ้น
2) หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา แอลกอฮอล์ เพราะเป็นสิ่งกระตุ้นให้โรคสะเก็ดเงินเห่อได้ ทั้งในส่วนของผิวหนังและหนังศีรษะ
ิิ3) ทำใจให้สบาย พักผ่อนออกกำลังกายให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดและการอดนอน
4) การหมักละลายขุยที่หนังศีรษะ เช่น การใช้ยาละลายขุยและน้ำมันบางชนิด โดยอาจหมักไว้ที่หนังศีรษะ แล้วคลุมด้วยถุงครอบพลาสติกข้ามคืน แนะนำให้ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งการละลายขุยที่หนังศีรษะนี้เป็นส่วนสำคัญมากในการรักษา เพราะเมื่อขุยละลายออกได้มาก ก็จะช่วยให้หนังศีรษะสามารถดูดซึมยาที่ลดการอักเสบอื่น ๆ ได้ดีขึ้น
5) การใช้แชมพูยา เพื่อลดการอักเสบของหนังศีรษะ ควรสระผมอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
6) การใช้ยาทาเฉพาะที่ เพื่อลดการอักเสบของหนังศีรษะ อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้มักมีข้อจำกัดในการใช้ ควรใช้ภายใต้การแนะนำและควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
7) การใช้ยารับประทาน และการใช้ยาฉีดชีวภาพ มักใช้ในกรณีที่เป็นผื่นหนา เป็นมาก และดื้อต่อการรักษาอื่น ๆ
8) การฉายแสงรังสีอัลตร้าไวโอเลตเฉพาะที่ ต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ผื่นดีขึ้น
ปัจจุบันมีการรักษาด้วยวิธีการธรรมชาติ เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่ง โดยการหยุดใช้แชมพู ครีมนวดผม ที่มักผสมสารเคมี เช่น
SLS , SLES ที่เป็นสาเหตุของการทำลายผิวหนังศีรษะ (สารเคมีตัวนี้จะใส่เพื่อทำให้เกิดฟอง เหมือนกับสารเคมีที่ใช้ในผงซักฟอกตามบ้าน) แล้วหันมาใช้ครีมหรือเจลที่ทำความสะอาดเส้นผม หนังศีรษะ แบบที่ปลอดภัยกว่า ... อย่างไรก็ตาม มีแชมพูสมุนไพรหรือธรรมชาติ ที่ไม่ยอมบอกสูตร แหล่งที่มาไม่ชัดเจน พวกนี้ก็ต้องระวังเช่นกัน ไม่งั้นอาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้แทน
เคยดูฉลากข้างขวดแชมพูหรือยัง ว่ามีสารเคมีที่ระคายเคืองหนังศีรษะ เช่น SLS , SLES หรือเปล่า แล้วคุณอาจจะประหลาดใจ ที่พบสารเคมีระคายเคืองทำลายผิวหนังพวกนี้ในแชมพูอ่อนโยนสำหรับเด็ก
รวมถึงแชมพูที่บอกว่าอ่อนโยนๆ หลากหลายยี่ห้อดังระดับโลก
และจะยิ่งประหลาดใจอีก เมื่อคุณพบสารที่ว่านี้ ผสมในน้ำยาล้างจาน เสมือนว่าสระผมแล้วสะอาดเหมือนใช้น้ำยาล้างจาน แบบเดียวกันเลย
ร่างกายคนเราจะสร้างสมดุลย์ด้วยตัวเอง เมื่อมีการทำลายสิ่งสกปรกบนศีรษะพร้อมกับกวาดสิ่งปกคลุมปกป้องผิวศีรษะออกไปด้วย หนังศีรษะก็จะสร้างไขมันออกมามากขึ้น เพื่อต่อต้านการขาดไปจากการใช้สารเคมีชะล้างผม เส้นผมก็จะมันขึ้นเรื่อยๆ สกปรกง่ายและคัน รวมถึงรูขุมขุนต่างๆที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีในแชมพูที่ใช้ เซลล์ผิวศีรษะก็ถูกกด ทำให้คันศีรษะ ผมร่วง อาการเหล่านี้จะตามมา หนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเชื้อราขึ้นมาซ้ำซ้อน ก็กลายเป็นปัญหาระดับชาติของเส้นผมร่วง ศีรษะล้าน มีรังแคมาก คันขุย
สิ่งเหล่านี้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ที่ทุกท่านเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
แชมพูสมุนไพรก็เข้ามาเป็นทางเลือกของธรรมชาติบำบัด แต่ท่านก็ต้องแน่ใจว่าแชมพูเหล่านั้นไม่มีสารเคมีจริงๆ ไม่ใช่ว่าใส่สารทำให้เกิดฟอง หรือสารสเตียรอยด์ โดยไม่บอกในฉลาก แต่เมื่อนำไปใช้ได้ผลชะงัด แก้คันแก้ร่วงได้ช่วงแรก หลังจากใช้ไปสักระยะ ปัญหาเดิมๆจะเกิดขึ้นใหม่และหนักกว่าเดิม แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีปัญหาแล้ว
ผลิตภัณฑ์อีกประเภทคือ เจลทำความสะอาดด้วยสารสกัดธรรมชาติ พวกนี้จะไม่มีสารเคมีระคายเคือง เหมาะกับคนที่ผมเสีย มีปัญหารังแค คัน เพราะใช้สารมาชะล้างสิ่งสกปรกแล้วก็มีแว็กซ์คลุมเส้นผมอีกรอบ ทำให้เส้นผมนิ่ม มีน้ำหนัก ไม่แตกเปราะ แต่ก็มีข้อเสียที่ไม่มีฟอง (เพราะไม่ใส่สารทำให้ฟอง) ทำให้คนเข้าใจผิดว่าสระแล้วไม่สะอาด
แต่เมื่อลองใช้เจลใสแบบสารสกัดธรรมชาติไประยะหนึ่งแล้ว พบว่าทำให้ผมมีน้ำหนัก แวววาว เส้นผมที่หยุดงอกไปนานกับงอกขึ้นมาเอง อย่างที่ไม่เคยเจอ
ตัวอย่างของคนที่มีปัญหาเส้นผมร่วง ใช้ครีมใช้สารเคมีมากว่า 20 ปีแล้วไม่ได้ผล มาลองใช้ครีมเลียนแบบธรรมชาติดู เส้นผมดำขึ้น และเซลล์หนังศีรษะเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง
ทำให้คิดว่าเราควรหยุดการใช้แชมพูสารเคมีหรือยัง เพื่อหยุดทำลายเส้นผมของเราเอง
ผมแนะนำยาสมุนไพรแท้100% ให้คำปรึกษาดีครับ ตัวยาปลอดภัยด้วยครับ !
ตอบลบhttp://www.doctorforyou.biz/?page_id=6026